Symetrical Triangle
เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่แกว่งขึ้นลงเข้าหาจุด ๆ หนึ่ง โดยระยะของการแกว่งตัวจะแคบลงเรื่อย ๆ เมื่อลาก Trend line สองเส้น เส้นหนึ่งผ่าน high ของจุดกลับตัว อีกเส้นผ่าน low ของจุดกลับตัว (ที่จุดกลับตัวแต่ละครั้งจะมี lower high และ higher low) เส้น Trend line นี้จะมาบรรจบกันเป็นสามเหลี่ยม
พอถึงจุดหนึ่งที่ราคาเกิดการ break แนว Trend line ที่ลากไว้ ก็จะเกิดการขยับตัวขึ้นหรือลงของราคาอย่างรวดเร็ว Symetrical Triangle ถือว่าเป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่น่าเชื่อถือรูปแบบหนึ่ง เมื่อราคาหุ้นเคลื่อนไหวในรูปแบบนี้ ควรจับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อรอดูการ Break out ยิ่งเห็นการทะลุขึ้นมาของราคาเร็วกว่า ก็ยิ่งมีโอกาสได้กำไรสูงกว่า
รูปแบบราคาแบบ Symetrical Triangle มักจะเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นโดยใช้เวลาในระยะปานกลาง โดยส่วนใหญ่แล้วจะมากกว่า 1 เดือน ในการสร้างรูปแบบสามเหลี่ยมนี้ และบางครั้ง pattern นี้ก็กินเวลามากกว่าสามเดือน แต่ถ้าหารูปแบบนี้ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนแล้วเกิดการ break out ก็มักจะมีการขยับของราคาไปในทิศทางที่มัน break out เป็น trend อย่างต่อเนื่อง
รูปแบบราคาแบบ Symetrical Triangle มักจะเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นโดยใช้เวลาในระยะปานกลาง โดยส่วนใหญ่แล้วจะมากกว่า 1 เดือน ในการสร้างรูปแบบสามเหลี่ยมนี้ และบางครั้ง pattern นี้ก็กินเวลามากกว่าสามเดือน แต่ถ้าหารูปแบบนี้ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนแล้วเกิดการ break out ก็มักจะมีการขยับของราคาไปในทิศทางที่มัน break out เป็น trend อย่างต่อเนื่อง
ข้อสังเกต
- เป็นการเคลื่อนไหวของราคาออกด้านข้าง (Sideway) ก่อนที่จะเกิดการ break out
- ราคาจะเคลื่อนที่ขึ้นลงอยู่ใน Trend line ที่บรรจบเข้าหากัน pattern นี้จะมีจุดกลับตัวอย่างน้อย 4 จุด คือ 2 high ที่ Trend line บน และ 2 low ที่ Trend line ล่าง
- มักจะเกิดการ break out ที่ก่อนระยะทาง 3/4 ของ pattern ก่อนถึงยอดสามเหลี่ยม แต่ถ้าเลยจุดนี้มาแล้ว ก็จะไม่ค่อยมีความรุนแรงของการเคลื่อนที่ของราคาเกิดขึ้นเมื่อ break out ยิ่งถ้าการ break out อยู่ใกล้ปลายของสามเหลี่ยมยิ่งมีโอกาสเป็น false break out มากขึ้น สรุปง่าย ๆ ก็คือถ้าราคามา break out pattern เอาเมื่อเลย 3/4 ของ pattern ไปแล้ว ก็ควรระมัดระวังให้มากก่อนตัดสินใจลงทุน
- Volume ของการซื้อขายในช่วงที่ราคาเคลื่่อนตัวไปมาแคบลงจะไม่มาก และลดลงเรื่อย ๆ ในระหว่างการเกิดรูปแบบราคานี้ เนื่องจากความไม่แน่ใจของนักลงทุน แต่พอราคา break out แล้ว มักจะมี volume สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากนั้น volume ก็จะเริ่มสูงขึ้นเนื่องจากทิศทางของราคาที่ชัดเจนขึ้น
- การเกิด false break out มักจะเกิดขึ้นได้เมื่อ volume น้อยลงและราคาก็เคลื่อนที่แกว่งตัวน้อยลง ทำให้การซื้อหรือขายเพียงนิดเดียวก็ทำให้ราคา break out ได้ ส่วนมากจะเกิดกับหุ้นเล็กหรือหุ้นที่ volume ซื้อขายไม่ค่อยมาก
- การ break out โดยไม่มี volume เยอะ ๆ มาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของราคามักจะเป็น false break out ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็น false break out หรือเปล่า นักลงทุนหลาย ๆ คนก็มักจะรอซักสองสามวัน เพื่อดูว่าเป็นการ break out จริงหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วหากเกิด false break out แล้วก็มักจะเกิดการ correction ของราคาภายใน 1 สัปดาห์ การ break out Symetrical Triangle ที่สมบูรณ์ควรมี volume ที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมาสนับสนุนการ break out ด้วย
- อย่างไรก็ดี false break out ก็อาจเกิดขึ้นได้แม้มี volume มาก (แต่ก็มีโอกาสน้อย) ถ้าผิดทางก็ควรยอมรับแล้ว cut loss
Target Price
ควรมีการกำหนดราคาที่จะพิจารณาขายด้วย เมื่อรู้จุดที่จะเข้าแล้ว เราควรรู้และกำหนดจุดที่จะออกไว้ด้วย ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะดูเหมือน Trend มันยังไปได้อยู่ แต่เราก็ควรกำหนดไว้ เผื่อถ้าราคามันเลยจุดขายไปแต่กลับลงมา ยังไงเราก็ต้องขายที่จุดนี้ ซึ่งจุดออกหลังจากการซื้อที่ Break out แล้วก็คือ
- ราคา ณ จุดซื้้อ (จุดที่ break out) บวกกับส่วนสูงของสามเหลี่ยม ณ จุดเริ่ม pattern
- อีกวิธีก็คือจุดสูงสุดใน Trend line เส้นหนึ่งลบกับจุดต่ำสุดของ Trend line อีกเส้น ได้ค่าเท่าไหร่ให้เอาไปบวกกับจุดปลายของสามเหลี่ยม (จุดที่ Trend line สองเส้นมาบรรจบกัน) จะได้ราคาเป้าหมายที่้ต้องการ
ทำทั้งสองวิธี กำหนด Target point ไว้พิจารณาทั้งสองจุดก็ได้ เพื่อเป็น Minimum Target range ช่วงที่จะทำการออก, แบ่งขายทำกำไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น